วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2555

รอยแผลจากสิว ......


         การรักษารอยแผลที่เกิดจากสิว ไม่ใช่เรื่องยากเลยคะ ^^.... หากแต่สาว ๆ รู้จักวิธีที่ถูกต้องในการรักษารอยแผลเป็น  อยากให้ผิวหน้าสวยใส ไร้สิว มาดูสูตรง่าย ๆ   รักษารอยแผลเป็นจากสิวคะ

1. เริ่มด้วยน้ำสะอาด ล้างหน้าให้สะอาด และดื่มน้ำเยอะๆ ก็ช่วยทำให้แผลเป็นจากสิวหายได้  เพราะร่างกายต้องการน้ำไปเติมเต็มซ่อมแซมร่องรอย แผลเป็นต่างๆ และ น้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญของร่างกาย ….. 


2. สูตรพอกหน้ากับสมุนไพร ต่าง ๆ เช่น มะนาวน้ำผึ้ง น้ำนมโยเกิร์ต จะช่วยลดปัญหาเรื่องผิว ทุกชนิด แต่ต้องทำประจำบ่อย ๆ คะ


3. น้ำผึ้ง ทาทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที ให้ความชุ่มชื้นผิวและทำให้ผิวดูนวลเนียนขึ้น

4. มะเขือเทศ มีวิตามันซี ช่วยสมานรอยแผลเป็นได้ดีคะ ฝานมะเขือเทศเป็นชิ้นบางๆ วางที่แผลคะ ....


5. น้ำมันลาเวนเดอร์ มีประโยชน์ในการรักษาแผลเป็นจากสิวให้จางลงคะ แต้มวันละ 2 ครั้ง ช่วยได้มากคะ

6. การใช้น้ำมะนาว  1-2 หยด แต้มสิวด้วยคอตตอนบัดประมาณ 10-15 นาทีแล้วล้างออก เซลล์ผิวที่ตายจะหลุดลอกออกมาจากบริเวณจุดด่างดำเหมือนกันผลัดเซลผิวคะ ถ้าผิวไม่แพ้ง่ายสามารถทิ้งไว้ทั้งคืนได้คะ


    *****************************   ><  ***************************

วันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2555

น้ำ&ใบบัวบก กับสุขภาพผิว


ต้นบัวบก

วัตถุดิบ
     ใบบัวบก  น้ำเชื่อม น้ำเปล่าต้มสุก ผ้าขาว
วิธีทำ
       นำใบบัวบก มาล้างให้สะอาด หั่นและ นำไปใส่ครกตำให้ละเอียด ผสมน้ำแล้วกรองกับผ้าขาวเอาแต่น้ำ คั้นให้แห้ง  นำน้ำที่ได้มา ใส่น้ำเชื่อมพอประมาณคะ ชิมรสตามชอบของแต่ละคน
คุณค่าทางอาหาร
    
ใบบัวบก มีวิตามินเอสูงมากคะ  ช่วยบำรุงสายตา และมีสารแคลเซี่ยม  วิตามินบี 1 สูงกว่าผักหลายๆชนิดคะ 
 
  คุณค่าทางยา ....^^
-ลดอาการปวดศีรษะข้างเดียว และบำรุงสมอง
-
บำรุงหัวใจ แก้อ่อนเพลีย
-แก้ช้ำใน ทำให้หายฟกช้ำได้ดี
-
ลดการอักเสบและรักษาแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้
-แก้ความดันโลหิตสูง
-ช่วยการไหลเวียนของโลหิต
-แก้ร้อนในกระหายน้ำ
-ช่วยขับปัสสาวะ

-ทำให้เลือดแข็งตัวเร็ว

 
  น้ำใบบัวบกจะไปช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน สามารถลบรอยตีนกา    โดยใช้สำลีชุบน้ำใบบัวบกมาทาให้ทั่วใบหน้า ทาทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที ทำประจำทุกวันจะได้ผลดีคะ และสามารถนำมาแปรรูปเป็นเครื่องสำอาง สบู่ ครีมบำรุงผิวพรรณด้วยคะ ><
  

วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ตำแหน่งสิว บนหน้า


1. หน้าผากด้านซ้าย ขวา   กระเพาะปัสสาวะ  การย่อยอาหาร  ต่อมหมวกไต หรือ มีความเครียดสูง ล้างหน้าไม่สะอาด

2.
ระหว่างคิ้ว  ตับ   การย่อยแลคโทส (ดื่มนมไม่ได้) ทานอาหารรสจัดหรือทานตอนดึกเกินไป  
 3. หน้าผากด้านขวา กระเพาะปัสสาวะ ต่อมหมวกไต การย่อยอาหาร หรือ มีความเครียดสูง ล้างหน้าไม่สะอาด  
4. และ 10   ใบหูทั้ง 2 ข้าง  เกิดจากโรคไต ใช้โทรศัพท์มือถือมากเกินไป ล้างแชมพู/สบู่ ไม่หมดจากการทำความสะอาด  ดื่มกาแฟ และพวก แอลกอฮอล์มากเกินไป  รวมทั้งการทานเนื้อสัตว์มากด้วยคะ

5. และ 9   
แก้มทั้ง 2 ด้าน   ^^......
  •            แก้มส่วนบน อาจมาจากไซนัสและปอด
  •            แก้มส่วนล่างเกิดจากเหงือก และฟัน  รวมทั้งสูบบุหรี่จัด  ภูมิแพ้ หรือเกิดจากการใช้เครื่องสำอาจไม่เหมาะเช่น อาจใช้บลัชออนและรองพื้นไม่ถูกต้อง  ถ้าเป็นริ้วรอยลึกตรงโหนกแก้ม อาจมีปัญหาเรื่องปอด การหายใจ
 
6. และ 8 รอบดวงตาทั้ง 2 ข้าง เกิดจากไต    ปัญหาภูมิแพ้ การใส่แว่นตาที่เสียดสีมาก พักผ่อนน้อย   

7.
จมูก และเหนือริมฝีปาก  เกิดจากหัวใจ และระบบสืบพันธุ์   ถ้ามีผิวสีแดงเข้มที่บริเวณจมูก บอกถึงโรคความดันโลหิตสูง การอุดตันผลกระทบจากฮอร์โมน เช่น    กำลังมีประจำเดือน การใช้ยาคุมกำเนิด  วัยทอง

11. และ 13
ใต้ริมฝีปากด้านซ้าย และขวา   รังไข่  มีการทำความสะอาดได้ไม่พอ   ความสมดุลทางฮอร์โมน การอุดตันช่วงใบหู อาจจะฟันกรามมีปัญหา หรืออาจเกิดจากการมีรอบเดือน

12.
ปลายคาง  กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กได้รับผลกระทบจากการทานอาหารรสจัดเกินไปจน ทำให้ลำไส้มีปัญหาในการดูดซึม

14.
ลำคอ และหน้าอก  ความเครียด..><  ..

วันพุธที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วิธีรักษาสุขภาพเส้นผม

       ปัญหาของสาว ๆ ที่มีผมแห้งชี้ฟูไม่มีน้ำหนักมักจะเป็นปัญหากลุ้มใจเสมอ วันนี้เรามาลองดูวิธีกันคะ
 wow ..สาวๆ ตามมา 
1.การบำรุงผมด้วยเซรั่มทุกครั้งหลังสระผม เพราะเซรั่มเป็นอาหารผมสำคัญที่เข้มข้นที่สุด ในจำนวนผลิตภัณฑ์บำรุงผมต่าง ๆ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือการบำรุงผมแบบเข้มข้น โดยช่างผมส่วนใหญ่มักจะเลือกใช้ เซรั่มที่ดีต่อสภาพผมคุณมากที่สุด 

 

2.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อเส้นผมและผิวกาย  อาหารที่มีวิตามิน A และ E จะทำให้ผมคุณมีน้ำหนัก อาหารจำพวกนี้มีอยู่ใน เมล็ดทานตะวัน งา อัลมอนด์ พืชตระกูลถั่ว น้ำมันพืช นอกจากนี้ อย่าลืมทานโปรตีนเพื่อเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเส้นผม  ได้แก่ ไข่และถั่วค่ะ


3.การบำรุงผมด้วยคอนดิชันเนอร์แบบลีฟอิน คอนดิชันเนอร์ที่ดีต่อผม ในปัจจุบันนี้ก็มีคอนดิชันเนอร์ลีฟอิน หลากหลายชนิดให้เลือก และหาซื้อได้ง่าย  มีเป็นแบบสเปรย์ และในรูปของโลชั่น สามารถใช้ควบคู่ไปกับเซรั่ม จะได้ผลดียิ่งขึ้น 



4.ถ้าจำเป็นต้องใช้สเปรย์เพิ่มความเงางาม และทำให้ผมมีสุขภาพดี  ขอแนะนำให้เป็นสเปรย์ที่ช่วยบำรุงผมควรฉีดห่างจากศรีษะประมาณ 10-15 ซม.คะ 




5.ไม่ควรเป่าผมด้วยไดร์และความร้อนที่แนบชิดกับเส้นผม  มันจะ ทำให้ผมแห้งชนิดที่เรียกว่าแห้งกรอบ อีกทั้งยังทำให้ผมคุณเสีย แตกปลายได้ง่าย ๆ  ถ้าจำเป็นต้องเป่าผมด้วยลมเย็น หรือลมอุ่นๆ ดีกว่าแต่ถ้าคุณไม่มีไดร์เป่าผม แนะนำให้สระผมตอนเช้าคะ และเป่ากับพัดลมเพื่อผมจะได้ไม่ต้องอับชื่นช่วยกลางคืน ทำให้เกิดรังแค  


6. สาวๆ ควรดื่มน้ำเยอะ ๆ นะคะ ประมาณ 6-8 แก้วต่อวันคะ   เพราะมันเป็นการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผม และดีต่อสุขภาพผิวกายด้วยคะ    สุขภาพผม สารเคมีรวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์ด้วย ควรหลีกเลี่ยงให้มากคะ



7.การสระผมด้วยน้ำ เย็น คุณรู้ไหมการสระผมด้วยน้ำอุ่นเป็นการทำล้างเส้นผมแย่มาก  หลังจากคุณ สระผมและหมักผมด้วยคอนดิชันเนอร์แล้ว แนะนำให้คุณล้างเส้นผมให้สะอาดด้วยน้ำเย็นจะดีกว่า เพราะมันทำให้ผมของคุณได้รับความชุ่มชื้นอยู่ดูมีสุขภาพดีขึ้นได้ค่ะ
 
8. ควรจะหลีกเลี่ยงสารเคมีแรงจัด เช่นการยืดผม ทำสี หรือแม้แต่การดัด ย้อม ยืด รวมถึงการใช้ความร้อนในการไดร์ผม สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำลายเส้นผมอย่างมาก

วันอังคารที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ขัดผิวพรรณด้วยตัวเอง

        สาว ๆ หลายคนที่ไม่มีเวลาพอจะไปร้านเสริมสวย  เพื่อบำรุงผิวพรรณให้ผุดผ่องมีน้ำมีนวล และยิ่งเศรษฐกิจแบบนี้ด้วย ใครอีกหลายคนต้องประหยัดแบบสุด ๆ  แต่เรามีวิธีประหยัด ไม่ยุ่งยากกับสุขภาพผิวที่เราเองก็หาได้ทั่วไป และสามารถทำเองได้ด้วย  
        พืชสมุนไพรที่นิยมกันมาก  ที่นำมาใช้ในเรื่องผิวพรรณก็มักมีสรรพคุณเป็นกรด มี AHA เช่น มะนาว มะขามเปียก  แม้แต่สัปปะรดก็สามารถนำมาขัดริมฝีปากให้ดูอิ่ม ขัดเซลผิวที่แห้งกรานให้หลุดออกโดยง่าย ควรใช้ให้เหมาะสมในปริมาณที่สามารถใช้ขัดผิวหน้า ผิวตัว หรือกระทั่งจุดแห้งกร้าน  รอยด่างดำจากข้อศอก หัวเข่า ให้เนียนนุ่ม และดูขาวใสขึ้นได้ ถ้าใช้ให้ถูกวิธีและทำเป็นประจำอาทิตย์ 2 ครั้ง ผิวจะเนียนนุ่ม และใส มาลองดูสูตรทำกันเลยสาว ๆ       

มะขามเปียก+นมสด+น้ำผึ้ง   
จะขัดกับมะขามเปียกล้วน ๆ ก็ได้ แต่ต้องขจัดขี้ไคล้ออกก่อนนะคะ ถ้าต้องการเพิ่มนมอุ่นด้วยแล้ว อาจจะดีขึ้น หรือ เพิ่มน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ นำมาขัด 20-30 นาที จะรู้สึกถึงผิวที่นุ่ม และใสขึ้น หลังจากนั่นก็ล้างตัวให้สะอาด แล้วทาโลชั่นบำรุงผิวสูตรเข้มข้นตามอีกที จะได้ผิวที่น่าสัมผัสเลยจ๊ะ    





เกลือ 
เกลือตัวต่อต้านเชื้อแบคทีเรียตามธรรมชาติทำความสะอาดผิวได้ดี ยังช่วยขัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกไปด้วย แถมกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต กระตุ้นต่อมน้ำเหลืองให้ร่างกายทำงานได้ดีขึ้นด้วย โดยใช้เกลือผงประมาณหนึ่งกำมือนวดเบาๆ เป็นแนววงกลมลงบนผิว แล้วล้างน้ำออกให้สะอาด หลังจากนั้นอาจจะทำความสะอาดผิว แล้วตามด้วยโลชั่นบำรุงอีกครั้ง ก็จะได้ผิวที่สดใสแล้วคะ


 โยเกิร์ต


ราคาของโยเกิร์ตไม่แพงเลยคะ ซื้อมาเพื่อนำมาขัดผิวช่วยเวลาอาบน้ำตอนค่ำ หรือตอนเย็น โยเกิร์ตทำให้ผิวกระชับ และลดรูขุมขนให้เล็กลง ยังส่วนให้ผิวดูเรียบเนียม สดใสคะ








ขมิ้นผง   
 นำขมิ้นผง น้ำมะขามเปียก  โยเกิร์ต  น้ำผึ้ง  นำส่วนผสมทั้งหมดมาผสมรวมกันแล้วมาพอกหน้าให้เว้นบริเวณรอบดวงตา ปีกจมูก และให้ใช้นิ้วกลางและนิ้วชี้นวดหน้าไปด้วยเบาๆ สักครู่หนึ่ง แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นให้สะอาด สรรพคุณ ช่วยลดสิวเสี้ยนได้ดีมากทีเดียวคะ ผิวหน้าจะดูเรียบเนียนด้วย






ดินสอพอง 
วิธีทำให้ดินสอพองสะอาดขึ้นนั้นไม่ยาก  เรียกว่าการ "สะตุ" วิธีสะตุ คือ เพียงนำดินสอพอง  ใส่หม้อดินปิดฝาหม้อแล้วยกขึ้น  ตั้งไฟทิ้งไว้จนกว่าดินสอพอง จะร้อนระอุเต็มที่แล้วจึงยกลงทิ้งไว้ให้เย็น  จากนั้นก็นำมาใช้ได้ ถ้าเก็บไว้ในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิดก็จะเก็บไว้ได้นาน ต้องมาเสียเวลาสะตุทุกครั้งที่ต้องการใช้  สูตรดินสอพองให้นำมาผสมกับน้ำมะนาว นำมาพอกหน้าคะ สูตรนี้ผู้ที่มีปัญหาผิวมัน รูขุมขนกว้าง และมีสิวเสี้ยน จะทำให้ผิวหน้าดีขึ้น ควรทำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งตามแต่สะดวกคะ

มะนาว 
สำหรับคนผิวแห้ง แพ้ง่าย มะนาวอาจจะทำให้เกิดความระคายเคือง และแห้งมากขึ้น สูตรนี้จึงใช้น้ำผึ้งที่มีคุณสมบัติสมานผิวเข้ามาแทนที่ และยังเพิ่มความชุ่ม ชื้นด้วยน้ำมันงา  โดยน้ำดินสอพอง น้ำผึ้ง น้ำมันงา น้ำเปล่าเล็กน้อยมาผสม พอกหน้าทิ้งไว้ 10-20 นาที ล้างออกกับน้ำสะอาดคะ
 


ว่านหางจระเข้สด 
ว่านหางจระเข้ ทำมาล้างให้สะอาด  นำมาปอกเปลือกออกน้ำเมือกมาทาบริเวณหัวสิว จะทำให้หัวสิวแห้งเร็ว นอกจากนี้ยังสามารถลดความแห้งกร้าน และลดความมันของผิวหน้าได้ โดยคนที่มีผิวมัน ก็จะช่วยให้ลดความมัน คนที่มีผิวหน้าแห้ง ก็ยังรักษาความชุ่มชื่นของผิวไว้ได้







น้ำผึ้ง
นำน้ำผึ้งกับน้ำมะนาวให้เข้ากัน มะนาว จะช่วยขจัดเซลล์ผิวเช่นเดียวกับครีมที่ผสมกรด AHA  นำมานวดให้ทั่วใบหน้าประมาณ 15 นาที หลังจากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด ส่วนน้ำผึ้งจะทำให้ผิวหน้านุ่มและชุ่มชื้น 


วันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สุขภาพดีกับผลไม้ปั้น


น้ำผลไม้อะไร ที่คุณชอบรับประทานมากที่สุด ??
       ในบางโอกาสการเลือกรับประทานผลไม้ ก็มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อผิวพรรณของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะวัยใด ก็ช่วยในเรื่องของผิวพรรณที่มีสุขภาพดีได้เสมอ เรามาผลไม้ที่สาว ๆ ชอบเลือกเป็นตัวหลักในการทำน้ำปั้นกันดีกว่าคะ 
 วิธีทำน้ำผลไม้ปั่น  ของแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน สาว ๆ บางคนชอบรสหวานจากตัวผลไม้ แต่บางรายไม่ต้องการ จึงมีสูตรในการชอบที่ไม่เหมือนกัน  การจะเลือกสูตรใด สูตรหนึ่งในการทำน้ำผลไม้ ต้องเลือกชนิดของผลไม้ที่ชอบเป็นสิ่งแรก  ต่อมาก็ควรจะเป็น ตัวหลัก เช่น
             1.น้ำเชื่อม ½  ถ้วย แล้วแต่อัตราส่วนของผู้ที่ชอบทานหวาน หรือ อาจจะเป็นน้ำตาลเทียมซึ่งมีขายในปัจจุบัน ตามศูนย์การค้า หาซื้อได้ง่ายมากคะ ราคาไม่แพง 
             2.เกลือป่น  ¼ น้าแข็งสำหรับบางท่านที่ชอบการปั้นรวม 
             3.นมสด 2-3 ช้อนโต๊ะพอได้กลิ่นหอมน่ารับประทานเรามาดูน้ำผลไม้แต่ละชนิดกัน         

แอปเบิ้ล         
      สาวส่วนใหญ่มักจะสั่ง  น้ำแอปเบิ้ลปั้่นเป็นผลไม้แรก  ที่ดื่มเพื่อสุขภาพ และในตัว แอปเปิ้ลมีสารสำคัญคือ วิตามินซี เบต้าแคโรทีน และเส้นใยไฟเบอร์ ชนิดละลายน้ำได้ คือ เพคตินมีกรด 2 ชนิด คือกรดทาร์ทาริก  กรดมาลิค  และ  ช่วยในการย่อยอาหาร  จำพวกโปรตีน และไ ขมัน นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องลดความดัน บำรุงหัวใจ ควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด ลดคลอเลสเตอรอล  กระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ และฆ่าเชื้อไวรัส   มีสารสำคัญคือ เบต้าแคโรทีน มีวิตามินซี และ  เส้นใยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้

ทับทิม
         ช่วยรักษาเส้นเลือด ที่ตีบตัวและแข็งตัว ป้องกันโรคกระดูกพรุน ช่วยฟอกไตและท่อปัสสาวะ   ช่วยปรับบำรุงกระดูกและฟัน นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องฮอร์โมนในวัยหมดประจำเดือน ป้องกันโรคหลงๆ ลืมๆ ปรับปรุงระบบการฟอกและไหลเวียนเลือด เป็นยาบำรุงกำลัง ช่วยเพิ่มพลังทำให้กระฉับกระเฉง คล่องตัว ขจัดไขมันส่วนเกิน ทำให้รูปร่างดีขึ้น ที่สำคัญทำให้ผิวหน้าสวยเปล่งปลั่ง การดื่มน้ำทับทิมเป็นประจำ ช่วยลดภาวะเสี่ยงเป็นโรคกระดูกพรุนได้เป็นอย่างดีคะ

กล้วย 
         น้ำกล้วยปั่น สามารถแก้อาการเมาค้างได้ ปันกล้วยกับน้ำผึ้งและนม น้ำผึ้งจะเป็นตัวช่วยหนุนเสริมปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือด กระเพาะของเราสงบลง ในขณะที่นมช่วยปรับระดับของเหลวในร่างกายของเรา ทำให้อาการเมาหายไป กล้วยน้ำว้าจะมีโปรตีน กรดอะมิโน ฮีสติดิน เทนนิน บรรเทาซึ่งสามารถช่วยรักษาอาการท้องเสียแบบไม่รุนแรงได้

สับปะรด
       จะช่วยป้องกันโรค ไตอักเสบ ความดันโลหิตสูง หลอดลมอักเสบ สับปะรดที่เริ่มนิ่ม มีน้ำเหนียว ๆ ไหลออกมา แสดงว่าสุกมากเกินไปและเริ่มเน่า ไม่ควรรับประทาน ประโยชน์ในสับปะรดมีดังนี้ ช่วยในการย่อยอาหาร ป้องกันความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดี ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง ช่วยให้เหงือกแข็งแรง ช่วยยับยั้งการอักเสบ เอนไซม์ Bromelain ช่วยป้องกันโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต หรือมะเร็งได้ถึง 20%

แครอท
      อุดม ไปด้วยวิตามินเอ และเกลือแร่ ช่วยบำรุงสายตา บำรุงผิวและ เนื้อเยื่อ ช่วยยับยั้งความเสื่อมของอวัยวะสำคัญของร่างกาย มีความเชื่อว่าแครอทช่วยรักษาโรคหลอดเลือดสมอง อัมพฤษ์  โรคมะเร็ง ช่วยลดความเสี่ยงจากโรค เช่น ความดันโลหิตสูง ต้อกระจก มะเร็ง โรคหัวใจ  อัมพาต และยังช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน เร่งการสร้างเซลล์ในแผลผ่าตัดหายเร็วขึ้น วิตามินและเกลือแร่ที่มีอยู่มีบทบาทสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันโรคมีแพคติน ซึ่งเป็นไฟล์เบอร์ ชนิดที่ละลายน้ำได้  ยังอุดมด้วยวิตามินบี วิตามินซี และแคลเซียมที่ดูดซึมง่าย ช่วยลดโคเลสเตอรอล

กีวี
         กีวีสีเขียว และกีวีโกลด์ สีทอง ทั้งสองชนิด มีปริมาณวิตามินซีสูงสุดถ้าเทียบกับผลไม้ชนิดอื่น จาก ส้ม หรือมะละกอ  การรับประทานกีวีสองผลต่อวันจะช่วยเพิ่มปริมาณวิตามินซีในร่างกายอย่างเห็นได้ชัด ป้องกันไข้หวัด และซ่อมแซมร่างกายส่วนที่สึกหรอ แถมยังกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ๆ กีวีหนึ่งผลมีวิตามินซีมากกว่าส้มหนึ่งลูกถึง 74% ช่วยกระตุ้นการทำงานของภูมิคุ้มกันโรค


แตงโม
         ปั่นเป็นน้ำผลไม้ที่มีวิตามินซีและเกลือแร่ ดื่มแล้วดีต่อร่างกาย มีรสหวาน ฉ่ำน้ำ มีวิตามินเอ ช่วยในเรื่องคลายความร้อน ดับกระหาย   และให้ความสดชื่นกับร่างกายแล้วแตงโมยังมีกากใยที่สามารถขับ   คอเลสเทอรอลจากเส้นเลือดได้
องุ่น 
        การดื่มน้ำองุ่นเป็นประจำจะช่วยให้เรามีความทรงจำที่ดีขึ้น  โดยสามารถเรียนรู้การจดจำคำและความทรงจำในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้น ผู้หญิงคนไหนมีปัญหาเกี่ยวกับความทรงจำลองหาน้ำองุ่นมากินดูสิค่ะ










มะพร้าว
         จะช่วยแก้กระหายแล้ว  ซึ่งช่วยทดแทนเกลือที่เสียไปกับเหงื่อได้เป็นอย่างดี ในน้ำมะพร้าวจะมีเกลือแร่โซเดียมอยู่ อีกทั้งยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุอีกหลายชนิด ทั้ง โพแทสเซียม กรดอะมิโน กรดอินทรีย์ วิตามินบี แมกนีเซียม เหล็ก แคลเซียม ทองแดง  และน้ำตาลกลูโคสที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้ภายใน 5 นาที  นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในการขับสารพิษ ชำระล้างร่างกาย 



วันพฤหัสบดีที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อาหาร & สมุนไพร เพื่อผิวสวย


    วันนี้มารู้จักโรคที่ต้องใช้อาหาร สมุนไพร ที่หาได้ง่ายในท้องตลาดบ้านเรากันคะ เริ่มด้วย 
 1. ภาวะไขมันในเลือดสูง (Hyperlipidemia) สาเหตุหลักที่ทำให้คนไทยเกิดภาวะไขมันในเลือดสูงผิดปกติ มาจากหลายสาเหตุ เช่น  กรรมพันธุ์ การทานอาหารที่มีไขมันสูง เฉพาะไขมันจากสัตว์ การไม่ออกกำลังกาย  สูบบุหรี่  ดื่มแอลกอฮอล์  อายุที่มากขึ้น  สาเหตุต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยง ต่อภาวะไขมันในเลือดสูง  ทางการแพทย์แบ่งได้ไขมันในเลือดที่มีความสำคัญเป็น 2 ชนิด ได้แก่ 1. คอเลสเตอรอล 2. ไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งจะอยู่ในรูปของโครงสร้างพิเศษ และจะขนถ่ายไขมันทั้ง 2 ตัวจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ซึ่งเรียกว่า ไลโปโปรตีน (Lipoprotein)จัดจำแนกออกได้เป็น 5 ชนิด ได้แก่ Chylomicron VLDL  IDL  LDL และ  HDL ซึ่งการเกิดโรคนั้น มาจากภาวะที่เลือดมีคอเลสเตอรอล ชนิดให้โทษ (LDL) สูง  และมีคอเลสเตอรอล ชนิดให้คุณ (HDL) ต่ำ ความผิดปกตินี้จะนำไปสู่ การเกิดหลอดเลือดแดงแข็งและตีบแคบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ และสมอง ทำให้มีโอกาสเป็นโรคหัวใจ และสมองขาดเลือด เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต และอาจเสียชีวิตได้แทนที่
    การควบคุมอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง อาทิเช่น ไขมัน  เครื่องในสัตว์ หนังไก่ ไข่แดง กุ้ง หนังเป็ด หอยนางรม ปลาหมึก และ ถ้าผู้ป่วยมีไตรกลีเซอร์ไรด์สูงด้ควรลดและระวังอาหารพวก แป้ง น้ำตาล เครื่องดื่มรสหวาน ผลไม้รสหวานจัด
 

จะหายามากินให้ปวดหัว หรือกลัวทานยาไปนาน ๆ และเกิดอาการตับพัง สมุนไพรในชีวิตประจำวันที่ช่วยในเรื่องการลดภาวะไขมันในเลือดสูง หาได้ไม่ยาก แค่เข้าครัวนำกระเทียมสดมารับประทาน วันละ ๑๐ กลีบ กับ กินหอมหัวใหญ่สดวันละครึ่งหัว เท่านี้ก็จะทำให้หลอดเลือดไม่อุดตัน เพราะผลของกระเทียม และหอมหัวใหญ่ทานแล้วจะรู้สึกร้อน ทำให้เลือดไม่จับตัวคะ


2. อาการปวดหัว  อาการปวดหัวนั้น บางรายเกิดได้หลายสาเหตุ แต่ถ้าปวดไม่มาก ก็ลองหันมาใช้วิธีธรรมชาติในการบำบัด ดังนี้คะ    

 
          -
การบำบัดด้วยน้ำ  เพียงแค่วางถุงน้ำแข็งบนหน้าผาก หรืออาจจะใช้ผ้าเย็น ๆ โพกไว้ที่ศีรษะพร้อมกับการแช่เท้าในน้ำอุ่น   ประมาณ 15-20 นาที อาการปวดหัวดีขึ้น หรือ ทุเลาลงค่ะ
 


 - การนวด เป็นการนวดจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย บางรายชอบที่จะไปนอนนวดตัวตามสถานที่ต่าง ๆ หรือเน้นการนวดที่ต้นคอและช่วงไหล่ จะนวดเองก็ได้ไม่ต้องออกไปข้างนอนให้เสียเงินแต่อย่างใด

- งดอาหาร  อาหารบางชนิดก็ทำให้รู้สึกปวดหัวขึ้นมาได้ทันที่ หรือ ที่เรียกว่า อาหารแสลง  เช่น เนื้อรมควัน เบคอน ชอคโกแล็ค ไส้กรอก ผงชูรส และ เครื่องดื่มจำพวกคาเฟอีน มักจะทำเป็นสาเหตุให้เกิดอาการปวดหัวได้            
- การขาดวิตามิน B- COMPLEX อาจทำให้เกิดอาการปวดหัว วิตามินบีมาก ๆ ในอาหารจำนวน ผักโขม กะหล่ำปลี ข้าวซ้อมมือ อาหารธัญพืช 
           

 - น้ำมันหอม  กลิ่นลาเวนเดอร์ ช่วยลดความกระวนกระวายใจได้ ลองนำน้ำมันหอม มานวดบริเวณขมับ ไรผม และต้นคอ จะช่วยผ่อนคลายได้ดียิ่งขึ้น   
 
 -
การออกไปเดินเล่นผ่อนคลายก็สามารถทำให้ร่างกายหลั่งสารเอนโดฟินส์  ซึ่งสารดังกล่าวเป็นยาแก้ปวดตัวสำคัญเลยคะ
 
จะหายามากินให้ปวดหัว ทำไมคะ แค่นำ ผักคะน้าหรือ ปวยเล้ง (ผักขม) อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก แมกนีเซียม เมื่อนำมารับประทานปรุงเป็นอาหารวันละ 5 ขีดและทานปลาทูวันละ 2  ตัว (น้ำมันจากปลาลดการอักเสบ ) หรือท่านใดที่ชอบชงโกโก้ กินหน่อยก็ช่วยได้


3.อาการหวัดไอจาม อาการไอ(cough)อาการจาม (sneeze)ไอจาม สามารถหมายถึง อาการที่เกิดกับระบบทางเดินหายใจ เป็นอาการหนึ่งของโรคหวัด  
  จะหายามากินให้ปวดหัวทำไมคะ ให้หมั่นทำความสะอาดและ แปรงลิ้น และประทานกระเทียม พริก หัวหอม ให้มากเข้าไว้ สมุนไพรเหล่านี้ช่วยในเรื่องของหวัดและอาการภูมิแพ้ ได้คะ

4. ภูมิแพ้  Allergy โรคภูมิแพ้เป็นภาวะที่ภูมิของร่างกายมีปฏิกิริยากับโปรตีนหรือสารก่อภูมิแพ้  จากสิ่งแวดล้อม ปฏิกิริยาจะเริ่มเมื่อ เราได้รับสาร จากสิ่งแวดล้อม ซึ่งปฏิกิริยานี้เริ่มเกิดการสร้างภูมิที่เรียกว่า IGE Antibody  และตัว Antibody นี้  จะกระตุ้น Mast cell มีการหลั่งสาร Histamin ขึ้นที่เนื้อเยื่อต่าง ๆ  เช่น ผิวหนัง ปอด จมูก ลำไส้ ทำให้ปฎิกิริยาภายในร่างกาย เกิดการอักเสบของอวัยวะต่างๆ เช่นลมพิษที่ผิวหนัง คัดจมูก แน่นหน้าอก เนื่องจากหอบหืด บางรายอาจจะรุนแรง ถึงกับเสียชีวิตได้ Anaphylaxis shock
     สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้มีการวิจัยหาสาเหตุของโรคภูมิแพ้ ดังนี้
 -กรรมพันธุ์ ประวัติภูมิแพ้ในครอบครัว เช่นพ่อแม่ พี่น้อง เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าจะเป็นโรคภูมิแพ้ได้ง่าย
 -สิ่งแวดล้อม เด็กในขวบปีแรกสำคัญมาก การสัมผัส ควันบุหรี่ สะเก็ดรังแคสัตว์ ไรฝุ่น เกสรดอกไม้ การรับประทานอาหารสำเร็จรูป การใช้ยาปฏิชีวนะ เหล่านี้จะทำให้เกิดโรคภูมิแพ้
 -การติดเชื้อไวรัสในวัยเด็ก เชื้อ lactobacillus ในลำไส้หรือมีบ้านพักอาศัยใกล้ฟาร์มสัตว์จะลดอุบัติการณ์ของภูมิแพ้ ได้เป็นอย่างดี
จะหายามากินให้ปวดหัวทำไมคะ   แค่กินฝรั่งวันละ 5 ชิ้นกับเมล็ดฟักทอง วันละ 1 กำมือ(สังกะสี) ทุกวันเป็นประจำก็จะช่วยเรื่องภูมิแพ้ได้

5.การแพ้ฝุ่นละอองไรฝุ่น ไรฝุ่นเป็นสัตว์ใกล้เคียงกับแมลงมุมคะ มีแปดขาไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า  มักจะพบไรฝุ่นมากในที่มีความชื้นสูง  พบร่วมกับฝุ่นที่มาจากเสื่อ หมอน พรม ม่าน ผ้าคลุมเตียง เสื้อผ้า ควรจะให้ความสนใจสำหรับเด็กเล็ก เพราะหากได้รับสารภูมิแพ้ตั้งแต่เด็กอาจจะทำให้เกิดเป็นโรคหอบหืด  
จะหายามากินให้ปวดหัวทำไมคะ หาโยเกิร์ตแบบรสธรรมชาติมาทาน และนมเปรี้ยวไม่หวานจัดมาดื่มเป็นประจำทุกวันคะ

6. ไขข้ออักเสบ  
Rheumatism รูมาติสึม ปวดเมื่อยตามตัวและ ข้อ นอกนี้ก็ยังเรียกว่า กระดูกงอกในข้อ ส่วนข้ออักเสบ รูปแบบอื่นเช่น ข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคข้อสะเก็ดเงิน จากภาวะภูมิต้านตนเอง ข้ออักเสบจากการติดเชื้อ หรือโรคเกาต์ ซึ่งเกิดจากการสะสมของผลึกกรดยูริกในข้อ และทำให้เกิดการอักเสบ
 
ะหายามากินให้ปวดหัวทำไมคะ  หาปลาเนื้อมารับประทานวันละ 2  ขีด เช่นปลาทู ลาสวาย ปลาแซลม่อน ปลาซาร์ดีน ปลาทูน่า หรือแม้แต่ปลากระป๋อง ก็สามารถหามารับประทานได้ง่ายคะ

7.กระเพาะปัสสาวะอักเสบบ่อย Cystitis เกิดจากการอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย เข้าไปในกระเพาะปัสสาวะทำให้สาว ๆ รู้สึกเกิดอาการดังนี้ปัสสาวะบ่อยแต่ละครั้งจำนวนน้อย และกลั้นไม่ได้ ต้องรีบเข้าห้องน้ำ  ปัสสาวะมีกลิ่นผิดปกติ ปัสสาวะมีเลือดปนตึง ปวดถ่วง บริเวณท้องน้อย แสบในท่อปัสสาวะ ปวดเสียดตอนถ่ายสุด

จะหายามากินให้ปวดหัวทำไมคะ  ให้กินน้ำกระเจี๊ยบไม่หวานจัดวันละ ๓ มื้อ หรือน้ำแครนเบอร์รี่ ของฝรั่งในปริมาณเท่ากัน(เปรี้ยวจัดมาก)

 8.ท้องอืดก๊าซในกระเพาะอาหารมาก ปกติคนเราสามารถขับก๊าซหรือขับลมส่วนเกิน โดยทางปากและขับทางก้น หากก๊าซมีจำนวนมาก และไม่สามารถถูกขับออกจากร่างกายได้ จะทำให้ร่างกายมีการสะสมไว้ในทางเดินอาหาร สำหรับบางท่านที่มีปฎิกิริยาไวก็อาจจะเกิดอาการท้องอืดและมีลมในกระเพาะอาหารมาก บางรายก็มีน้อย อยู่ที่ระดับร่างกายของแต่ละบุคคล 
     สาเหตุของก๊าซในทางเดินอาหาร  มักจะถูกขับออกมาโดยการผายลมตามธรรมชาติ  ส่วนใหญ่มักจะได้รับจากการกลืนเข้าไปผู้ที่มีความเครียด  เคี้ยวหมากฝรั่ง  สูบบุหรี่  การกลืนอาหารเร็วไปไม่เคี้ยวอาหารให้ละเอียด  เครื่องดื่มที่มี carbonated จะทำให้เกิดก๊าซ และการใส่ฟันปลอมที่ไม่พอดี

จะหายามากินให้ปวดหัวทำไมคะ  ให้เอากล้วยหักมุกที่หาได้ตามท้องถิ่นมารับประทาน กล้วยหักมุกปิ้งหรือขิงบ่อย ๆ

9.ท้องผูก ท้องผูกถือว่าเป็นปัญหาที่หลายๆ ท่าน พบบ่อยที่สุด แม้จะหันมารับประทานผักและผลไม้ช่วยในเรื่องการขับถ่ายแล้ว ก็ยังไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร วันนี้เลยได้นำเอา วิธีแก้อาการท้องผูก มาบอกกันค่ะ  ปัญหาอาการท้องผูกจะหายไปไม่กลับมารบกวนคุณให้กังวล
 
จะหายามากินให้ปวดหัวทำไมคะ ชงน้ำผึ้งดื่มวันละ 3 ช้อนโต๊ะและให้กินน้ำมะขามต้มติดเนื้อมาก เช้า เย็น เท่านี้อาการท้องผูกก็จะดีขึ้น ขยันทำประจำทุกวันนะคะ

10.เวียนหัวคลื่นไส้   อาการปวดหัว หรือเวียนหัว หน้ามืด คลื่นไส้ อาเจียน อาจจะเกิดจากมีลมในกระเพาะมากเกินไป หรือการดื่มน้ำไม่พอต่อร่างกาย ก็เป็นได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นอาการคนตั้งท้องเสมอไปคะ และไม่ต้องกังวลหรือคิดมาก 
 
11.วัยทอง วูบวาบ อารมณ์แปรปรวน  สตรีที่เกิดอาการร้อนวูบวาน อารมณ์แปรปรวนมาก หรือ ที่เรียกว่าเข้าช่วงวัยทอง (Menopause)  มันจะมี ผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้ ซึ่งสตรีวัยดังกล่าว ผู้หญิงบางคนเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน จะอยู่ประมาณ 40-50 ปี  มีความเสี่ยงในการเป็น โรคกระดูกพรุน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดและบางรายยังมีระดับไขมันในเลือดสูง คอเลสเตอรอลสูง อาจเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นหลายปี  เนื่องจากการผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจน เริ่มค่อย  ๆ ลดลงหลังอายุ 30 ปีขึ้นไป และลดลงทันทีในวัยหมดประจำเดือนคะ
 
จะหายามากินให้ปวดหัวทำไมคะ ให้กินปลาทูน่าให้มาก และกินเต้าหู้เหลืองวันละ 1 แผ่น ถ้ากินเต้าหู้แล้วเบื่อให้สลับกับถั่วลิสงวันละ 1 กำมือก็ได้


12. กระดูกพรุน  ส่วนใหญ่มักจะมาจากฮอร์โมนไม่สมดุล ขาดสารอาหาร ขาดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ  และการใช้ยาบางชนิดต่อกันเป็นเวลานาน เช่น สูบบุหรี่  ยากันลมชัก ยาลดกรดในกระเพาะอาหาร 
 
   จะหายามากินให้ปวดหัวทำไมคะ มะม่วงจิ้มกะปิ และสับปะรดซึ่งมีธาตุสมานกระดูดอยู่มาก (แมงกานีสให้กินงาดำวันละ 4  ช้อนโต๊ะ(ได้แคลเซียมมาก)
ขอบคุณภาพจาก google...